ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของ เด็กหญิงอัจฉรียา ลาปีอี ม.2/2 เลขที่ 32 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์จังหวัดสตูล ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

13 อาชีพที่ผู้หญิงเลือกได้

      คุณสมบัติของผู้หญิงทำงานเก่งๆนั้น  มักปรากฏชัดในตัวผู้หญิงที่รู้สึกสนุกกับงานที่ทำ  เข้าใจและมีความรู้ในความเป็นอาชีพที่ตนเลือก  จนสามารถดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้ได้เต็มที่  นอกจากนี้ยังรู้จักนำข้อได้เปรียบทางธรรมชาติและยอมรับในสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของความเป็นผู้หญิงมาใช้ได้เป็นอย่างดี  จึงทำให้สัดส่วนในโลกการทำงานของทุกสายอาชีพมีจำนวนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น  และยังสามารถแทรกเข้าไปในหลายอาชีพที่เคยมีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น  และนี่คือ 13 อาชีพที่สำรวจมาสำหรับผู้ที่กำลังอยากก้าวเข้าสู่สายอาชีพเหล่านี้

    1.   ทนายความ  ไปได้ไกลเท่าที่ต้องการ
เงินเดือน :  ในสำนักงานทนายความท้องถิ่นบางแห่งอาจเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 3,000 บาท ส่วนในบริษัทต่างประเทศจะเริ่มต้นที่ประมาณ 16,000 บาท  และเงินเดือนขั้นสูงของทนายความซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทจะได้ 1,000,000 บาท ขึ้นไป
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  มีทนายความผู้ชายมากกว่าผู้หญิงในอัตราส่วน 80 : 20 แต่ปัจจุบันสัดส่วนการสอบเข้าคณะนิติศาสตร์หรือสอบใบอนุญาตทนายความของผู้หญิงมีแนวโน้มสูงขึ้น
การเริ่มต้น  :  ต้องจบจากคณะนิติศาสตร์หากต้องการว่าความในศาลต้องสอบใบอนุญาตว่าความ  และหากจะสอบเป็นผู้พิพากษาต้องสอบจากเนติบัณฑิตจากเนติบัณฑิตยสภาก่อน  สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นที่ปรึกษากฎหมายทางธุรกิจควรเรียนจบจากต่างประเทศหรือใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมาก
หน้าที่  :  เริ่มจากการเป็นทนายความที่ทำหน้าที่เสมียนหรือติดตามทนายความรุ่นพี่เพื่อเรียนรู้การทำงาน  ค้นคว้าวิจัยข้อกฎหมาย  ทำงานด้านเอกสาร  ประสานงาน  และเมื่อก้าวขึ้นระดับสูงก็ต้องดูแลลูกความ  วางโครงสร้างคดีว่าความ  ส่วนอัยการซึ่งเป้นทนายของรัฐนั้นจะดูแลการดำเนินการทางกฎหมายและรักษาผลประโยชน์ของภาครัฐเป็นหลัก
ความก้าวหน้า  :  ขึ้นอยู่กับความสามารถ  สติปัญญา  และโอกาส โดยตำแหน่งสูงสุดคือผู้พิพากษาหรือเป็นหุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย
ข้อดี  :  เป็นอาชีพที่มีเกียรติ  ได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากสังคมสูง
ปัญหาในการทำงาน  :  งานหนัก  มีเวลาส่วนตัวน้อย  และต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำบ่อยๆ เพราะการทำคดีส่วนใหญ่มักมีเงื่อนไขทางด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่า  แต่ทนายความหญิงอาจมีข้อจำกัดมากกว่าในกรณีที่ต้องออกพื้นที่  จึงเน้นทำคดีแพ่งและพาณิชย์มากกว่าคดีอาญา

   2.   สื่อมวลชน  สื่อกลางของสังคม
เงินเดือน  :  เริ่มตั้งแต่ประมาณ 8,500 บาท จนถึง 50,000 บาทขึ้นไป + เงินประจำตำแหน่ง ค่าเดินทาง  ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ใกล้เคียงกัน  โดยถ้าเป็นสื่อในด้านที่เกี่ยวกับผู้หญิง เช่น นิตยสารผู้หญิงก็จะมีผู้หญิงทำงานมากกว่า
การเริ่มต้น  :  เรียนจบสาขาไหนก็ได้แต่ต้องเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวมากและติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างสม่ำเสมอ  กาเรียนเฉพาะเช่นในคณะนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์จะทำให้เข้าสู่สายอาชีพได้ง่ายขึ้น
หน้าที่  :  นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นสู่สังคมโดยเฉพาะสื่อประเภทหนังสือพิมพ์  สามารถเป็นปากสียงให้ประชาชนธรรมดาๆในขณะที่สามารถตรวจสอบสถาบันที่มีอำนาจต่างๆได้  โดยถือเป็นสถาบันที่มีความเข้มแข็งมากสถาบันหนึ่ง
ความก้าวหน้า  :  ตำแหน่งไม่ใช่บทสรุปของงาน  คนมีความสามารถอาจได้เป็นถึงผู้บริหารองค์กร พอๆกับที่อาจพอใจในการเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามเช่นเดียวกับเงินเดือนที่ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่าตำแหน่ง
ข้อดี  :  สามารถใช้อำนาจสื่อที่มีอยู่ในมือไปในทางที่มีประโยชน์ได้มาก  มีโอกาสเดินทางและรู้จักผู้คนทุกระดับชั้น รวมทั้งได้ประสบการณ์แปลกๆที่หายาก
ปัญหาในการทำงาน  :  งานหนัก  การแข่งขันสูง  ทั้งแข่งกับเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและยังต้องแข่งกับเพื่อนร่วมอาชีพในลักษณะที่เป็น “ธุรกิจสื่อมวลชน”
อคติทางเพศ  :  ไม่ชัดเจนนัก  แต่สาเหตุที่ผู้หญิงมักไม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารเป็นเพราะไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานได้มากเท่าผู้ชาย  อาจเพราะเรื่องของครอบครัว  การทนแรงกดดันจากการแข่งขันได้น้อยกว่า  หรือมีข้อจำกัดในการทำงานบางประเภท  เช่น งานข่าวอาชญากรรม  ซึ่งมีความเสี่ยงสูง

   3.  แอร์โฮสเตส  หวือหวากับรายได้และการเดินทาง
เงินเดือน  :  เริ่มที่ประมาณ  8,500 บาท  จนถึงประมาณ 80,000 บาท + ค่าเบี้ยเลี้ยง  ค่าชั่วโมงบิน  ค่าล่วงเวลาพิเศษ  ค่าภาษา ฯลฯ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง
การเริ่มต้น  :  สิ่งสำคัญมากคือต้องมีสุขภาพแข็งแรง  บุคลิกดี  และทักษะทางภาษาดีโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ถ้ามีความรู้ด้านภาษาอื่นจะยิ่งได้เปรียบและทำให้ก้าวหน้าในอาชีพได้ดี
หน้าที่  :  ก่อนขึ้นเครื่องต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินที่ต้องทำงาน  ทั้งชั่วโมงบิน  สภาพอากาศ  จำนวนผู้โดยสาร และการบริการผู้โดยสารประเภทต่างๆ เมื่ออยู่ในเที่ยวบินต้องบริการอาหารและเครื่องดื่มให้ผู้โดยสาร  ดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเข้มงวด  รวมทั้งสามารถให้ข้อมูลต่างๆในการเดินทางกับผู้โดยสารได้
ความก้าวหน้า  :  เป็นงานที่รายได้ดี
ข้อดี  :  ได้เดินทางท่องเที่ยว  ทำให้ได้ประสบการณ์กว้างไกล  ได้พบผู้คนมากมาย  และทันสมัยอยู่เสมอ  รวมทั้งมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนชาติต่างๆ และสร้างโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ
ปัญหาในการทำงาน  :  ที่พบมากที่สุดคือปัญหาสุขภาพเนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน  การอดนอน  และการปรับเวลา  ซึ่งทำให้แอร์โฮสเตสส่วนใหญ่เกษียณตัวเองก่อนกำหนด
อคติทางเพศ  :  ไม่มี

   4.  เลขานุการ  มือขวาของผู้บริหาร

เงินเดือน  :  ตั้งแต่ 8,500 บาท  จนถึง 300,000 บาท 
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบสูง  และค่อนข้างจุกจิก  แต่เลขานุการในตำแหน่งสำคัญ เช่น เลขานุการองค์กรมักเป็นผู้ชาย
การเริ่มต้น  :  เรียนจบสาขาใดก็ได้  แต่ควรเรียนทักษะด้านเลขาฯเพิ่มเติม  ใช้คอมพิวเตอร์ได้ในระดับดี  หากมีความรู้ภาษาอังกฤษดีจะก้าวหน้ามาก  และที่สำคัญคือต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
หน้าที่  :  ถ้าเป็นเลขาฯแผนกจะเน้นการจัดการพื้นฐานในสำนักงาน  แต่เป็นเลขาฯของผู้บริหารจะต้องจัดการเรื่องต่างๆทั้งงานและส่วนตัวให้เจ้านาย  บางคนต้องเข้าร่วมประชุมออกงานพร้อมเจ้านายด้วย เลขาฯ ระดับผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถสูงทำหน้าที่ไม่ต่างจากมือขวาของเจ้านาย  ซึ่งต้องมีไหวพริบ  รู้จักกาลเทศะ และกล้าตัดสินใจ
ความก้าวหน้า  :  โดยตำแหน่งแล้วมักเคลื่อนไหวน้อย  ความก้าวหน้าขึ้นอยู่กับว่าเป็นเลขาฯของใคร
ข้อดี  :  มีโอกาสได้เรียนรู้งานหลากหลาย ได้พบปะผู้คนมากมายโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงๆ เป็นการเปิดโลก  รู้จักวิเคราะห์นิสัยคน  เรียนรู้การเข้าสังคมได้หลายระดับ  ทำให้มีโอกาสเปลี่ยนสายงานหรือทำธุรกิจของตัวเองได้
ปัญหาในการทำงาน  :  เนื่องจากต้องทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายจึงต้องปรับตัวสูงเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ดี  และยังต้องมีวิธีจัดการกับปัญหาและผู้คนอย่างฉลาดและรวดเร็ว  เนื่องจากต้องประสานงานกับบุคคลจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา
อคติทางเพศ  :  มีน้อยมาก

    5.  ล่าม  ผู้ช่วยของการสื่อสาร

เงินเดือน  :  ล่ามประจำเริ่มที่ประมาณ 20,000 บาท  จนถึง 60,000 บาท ส่วนล่ามอิสระจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน  แต่โดยเฉลี่ยรายได้จะตกวันละ 10,000-30,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ใกล้เคียงกัน
การเริ่มต้น :  ต้องใช้ภาษานั้นๆได้อย่างดี อาจเรียนจบมาโดยตรง หรือเคยไปใช้ชีวิตในประเทศนั้น  นอกจากนี้ยังต้องมีควาชำนาญในเนื้อหาของงานที่แปล  และควรเข้ารับการอบรมหลักสูตรล่ามเบื้องต้นมาก่อน
หน้าที่  :  เป็นผู้ช่วยในการสื่อสารทำหน้าที่ถ่ายทอดภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่ง
ความก้วหน้า  :  วัดได้จากความสามารถในการรับงานที่ยากมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเริ่มจากการเป็นล่ามทั่วไปและก้าวหน้าเป็นล่ามในที่ประชุมซึ่งเป็นล่ามพูดตาม แปลหลังจากที่ผู้พูดกล่าวจบประโยคแล้ว  โดยนั่งอยู่ร่วมกับผู้พูดด้วย  และที่ใช้ความสามารถสูงสุดคือ ล่ามพูดพร้อมโดยล่ามจะอยู่ที่ห้องเล็กๆแปลคำพูดไปพร้อมกับผู้พูด  โดยผู้ฟังจะได้ยินเสียงล่ามผ่านทางหูฟัง
ข้อดี  :  ได้เพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ ที่หลากหลายเปลี่ยนแปลงไปตามเรื่องที่แปล
ปัญหาในการทำงาน  :  นอกจากต้องเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาแล้ว  ยังต้องจับความต่างในวิธีการพูดหรือความสั้นยาวของคำให้พอดีกัน  และในกรณีเป็นล่ามในงานสำคัญ เช่น ทางการเมืองหรือการทูตล่ามควรพยายามวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในตัวล่ามได้
อคติทางเพศ  :  มีน้อยมาก  ยกเว้นอาจมีบางกรณี เช่น กรณีที่ล่ามหญิงต้องเข้าไปแปลงานในโรงงาน  ซึ่งใช้ศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกหากไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี  อาจทำให้ได้รับความไว้วางใจน้อยกว่า

   6.  นักสำรวจ  สื่อกลางระหว่างคนและโลก
เงินเดือน  :  สังกัดภาครัฐก็ได้ผลตอบแทนเหมือนข้าราชการทั่วไป   แต่ถ้าทำงานวิจัยในช่วงเริ่มต้นจะได้รับทุนประมาณโครงการละไม่เกิน  500,000 บาท ส่วนโครงการใหญ่ๆ อาจได้รับทุนเป็นล้านขึ้นไป ( ระยะเวลา 2 ปี รวมค่าใช้จ่ายในการทำงานและเงินเดือน ) 
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ปัจจุบันมีนักวิจัยคิดเป็น 17 คน ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย  แต่เมื่อแยกตามความถนัดแล้วจะพบว่านักวิจัยด้านพฤกษศาสตร์จะเป็นผู้หญิงมากกว่า
การเริ่มต้น  :  ควรเรียนสายวิทย์หรือสายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ  แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป  สิ่งสำคัญคือมีใจรักและตั้งใจจริงในการทำงาน
หน้าที่  :  ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานที่ตั้งไว้  แล้วจึงสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลให้ได้ตามวัตถุประสงค์
ความก้าวหน้า  :  สามารถเป็นนักสำรวจเชิงลึกที่เชี่ยวชาญในแขนงนั้นๆและมีโอกาสได้รับทุนสนับสนุนมากขึ้น
ข้อดี  :  ได้ความภาคภูมิใจในการนำความรู้ใหม่ๆ มาเผยแพร่  ได้รับเกียรติและการยอมรับจากสังคมในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ปัญหาในการทำงาน  :  ขาดแคลนคนทำงาน  เพราะขาดงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  แต่อาจมีปัญหาในการทำงานภาคสนามซึ่งยากลำบากสำหรับผู้หญิง

   7.  โปรแกรมเมอร์  ผสานเทคโนโลยีเข้ากับการใช้งาน
เงินเดือน  :  ตั้งแต่ 15,000 บาท จนถึง 100,000 บาทขึ้นไป  หรือมีรายได้จากการรับงานอิสระเป็นโครงการ  ซึ่งรายได้จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมาเป็นหลัก
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่เป็นชายประมาณ  70-80%
การเริ่มต้น  :  ควรมีพื้นฐานที่ดีทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  สถิติ  และภาษาอังกฤษ  การหาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เริ่มจากการไปลงคอร์สเรียนด้านการเขียนโปรแกรมตามมหาวิทยาลัย  โดยไม่จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรปริญญา
หน้าที่  :  ออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งาน  รวมทั้งติดตามผลการใช้งานและแก้ไขโปรแกรม  และในบางกรณีโปรแกรมเมอร์ต้องติดต่อและดูแลลูกค้าด้วย
ความก้าวหน้า  :  เนื่องจากเป็นสายอาชีพที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วตลาดแรงงานจึงยังต้องการมาก  ทั้งงานรับจ้างและสร้างธุรกิจของตนเอง  และมีโอกาสในการทำรายได้มาก
ข้อดี  :  โปรแกรมเมอร์ที่มีฝีมือจะได้ใบรับรองในอาชีพและสาขาที่ตนถนัดและมีโอกาสรับงานได้มาก  โดยเฉพาะงานจากต่างประเทศซึ่งจะทำรายได้ดีขึ้นเป็นหลายเท่าตัว  โดยสามารถรับและส่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้
ปัญหาในการทำงาน  :  เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านนี้ก้าวหน้าไปเร็วมาก  โปรแกรมเมอร์จึงมักต้องทุ่มเทเวลาและงบประมาณในการเพิ่มพูนความรู้ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา  รวมทั้งต้องเรียนรู้ด้านการตลาดและการตอบสนองความต้องการของลูกค้า  ซึ่งโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ยังขาดทักษะนี้
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  เนื่องจากยอมรับกันว่าเรื่องของเทคนิคนั้นทั้งหญิงและชายสามารถเรียนรู้ได้เท่ากัน  ส่วนผู้หญิงอาจได้เปรียบกว่าในแง่การเข้าถึงลูกค้า

  8.  แพทย์  งานหนักที่ต้องเสียสละและเมตตา
เงินเดือน  :  ช่วงใช้ทุนระยะเวลา 3 ปี  จะได้รับเงินเดือนอัตราเดียวกับข้าราชการระดับ 4 คือประมาณ 8,610 บาท ส่วนเงินเดือนขั้นสูง  ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐ  ก็ปรับเงินเดือนตามอัตราข้าราชการ  แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางจะได้รับเงินเดือนประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  มีแพทย์ชายมากกว่าแพทย์หญิง 2 เท่า  แต่สัดส่วนของนักเรียนแพทย์ในปัจจุบันจะมีชายและหญิงไล่เลี่ยกัน
การเริ่มต้น  :  เริ่มจากการเลือกเรียนสายวิทย์ตั้งแต่มัธยมปลาย  ต้องมีผลการเรียนดี และควรผ่านคอร์สอบรมหลักสูตรการเตรียมตัวเป็นนักเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆเปิดขึ้น  เพื่อการเตรียมตัวและตัดสินใจ  นักเรียนแพทย์จะใช้เวลาเรียน 6 ปี ในระดับปริญญาตรี  จากนั้นจึงเรียนเป็นแพทย์เฉพาะทางต่อไป
หน้าที่  :  ตรวจรักษาผู้เจ็บป่วยและติดตามผล  ซึ่งเป็นงานที่ต้องเสียสละ  อดทน  มีความเมตตา  และรับผิดชอบสูง
ความก้าวหน้า  :  ก้าวหน้าได้มากทั้งสายงานรัฐบาลและเอกชน  เพราะสังคมให้ความเชื่อถือและยอมรับสูง  มีโอกาสเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง
ข้อดี  :  ได้รับความเคารพและเชื่อถือสูง  และเป็นอาชีพที่มีเกียรติในสังคม
ปัญหาในการทำงาน  :  งานหนัก  บางครั้งทำงานไม่เป็นเวลา  มีเวลาส่วนตัวค่อนข้างน้อย  และในช่วงหลังคนไข้เริ่มตื่นตัวในสิทธิ์ของผู้ป่วยมากขึ้น  จึงมีโอกาสที่แพทย์จะถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการรักษามากขึ้น
อคติทางเพศ  :  ไม่มี  แต่ผู้เชี่ยวชาญบางสาขายังมีแพทย์หญิงสนใจเลือกน้อยมากเพราะเป็นงานหนัก เช่น งานด้านศัลยกรรม  โดยเฉพาะศัลยกรรมสมอง  หรืองานด้านนิติเวช

  9.  นักการเมือง  ตัวแทนคุณภาพของประชาชน
เงินเดือน  :  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เงินเดือนประมาณ 70,000 บาท ส่วน ส.ส. ที่ทำหน้าที่บริหารด้วยจะได้รับเงินเดือนลดหลั่นกันไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง  โดยจะได้รับเป็นเงินเดือนบวกเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมือง
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ปัจจุบันมีผู้หญิงเป็นนักการเมืองมากขึ้น  และได้รับเลือกเป็น ส.ส. คิดเป็นจำนวนประมาณ 20% ของส.ส.ทั้งหมด
การเริ่มต้น  :  ต้องเรียนจบปริญญาตรีมีใจรัก  และมีอุดมการณ์ เพราะเป็นงานที่ต้องเสียสละและไม่มีตารางเวลางานที่ชัดเจน  ต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์อย่างดีจากอาชีพเดิมที่เคยทำมา  รวมทั้งเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกและประเทศการเริ่มต้นอาชีพทำได้โดยการเข้าไปสังกัดพรรคการเมืองที่ชอบ
หน้าที่  :  เป็นตัวแทนของประชาชนในการบริหารบ้านเมือง  ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
ความก้าวหน้า  :  สามารถเติบโตเป็นนักการเมืองระดับประเทศ  หัวหน้าพรรค  ประธานกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร  หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน  รัฐมนตรี  และตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองคือนายกรัฐมนตรี
ข้อดี  :  ได้รับการยอมรับและยกย่องในฐานะที่พึ่งของประชาชน  รวมทั้งมีสิทธิพิเศษในหลายๆเรื่อง
ปัญหาในการทำงาน  :  งบประมาณจำกัดจนทำให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ไม่ทั่วถึง  งานหนัก  ไม่มีที่ทำงานเป็นหลักแหล่งถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งบริหาร  ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเพราะต้องออกพื้นที่อยู่เสมอ  และมีการแข่งขันสูง
อคติทางเพศ  :  ลดลงจากเดิมมาก  แต่ที่ผู้หญิงเข้าสู่สายอาชีพนี้น้อยเพราะเป็นงานที่หนักและเหนื่อย

   10.  พยาบาล  นางฟ้าในชุดขาว
เงินเดือน  :  ถ้าสังกัดองค์กรรัฐจะเริ่มต้นที่เงินเดือนและตำแหน่งข้าราชการระดับ 3 และเลื่อนขั้นขึ้นเรื่อยจนถึงไม่เกินระดับ 9 ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนจะเริ่มที่ประมาณ 10,000 บาท จนถึง 50,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  90% เป็นผู้หญิง  ส่วนพยาบาลวิชาชีพที่เป็นผู้ชายมักเลือกเป็นอาจารย์หรือทำงานด้านดูงานการตรวจรักษาเบื้องต้นในชุมชนมากกว่า
การเริ่มต้น  :  จบด้านพยาบาลมาโดยตรง  ต้องรักการช่วยเหลือผู้อื่น  และมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย  สูญเสีย  และอารมณ์ต่างๆของคนไข้ได้เป็นอย่างดี
หน้าที่  :  ดูแลการรับคนไข้และกลั่นกรองว่าควรจะส่งตัวไปตรวจกับแพทย์ในสาขาใด ดูแลคนไข้ในขณะที่แพทย์วินิจฉัยอาการและสั่งยา  ประสานงานให้คนไข้ได้รับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์  รวมทั้งต้องดูแลความสุขสบายทั้งกายและใจของคนไข้ด้วย
ความก้าวหน้า  :  มีการเลื่อนขั้นเรื่อยๆตามอายุงาน  ตั้งแต่เป็นหัวหน้าเวร  หัวหน้าตึก  จนถึงหัวหน้าพยาบาล  ในโรงพยาบาลรัฐพยาบาลมักกระจุกตัวกันอยู่ที่ระดับซี 6 ถ้าจะให้ได้ซี 7 ก็ต้องมีผลงานวิชาการ  หากเป็นหัวหน้าตึกหรือมีตำแหน่งบริหารก็จะได้ตำแหน่งสูงสุดไม่เกินซี 9 หากเป็นเอกชนก็จะได้เลื่อนไปจนเป็นหัวหน้าพยาบาลแต่จะไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง
ข้อดี  :  ทำให้ครอบครัวและคนรอบข้างรู้สึกอุ่นใจในเวลาเจ็บป่วย  โดยสามารถให้การดูแลและให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
ปัญหาในการทำงาน  :  จัดว่าเป็นอาชีพที่ได้รับความสำคัญค่อนข้างน้อยหากเทียบกับสายวิชาชีพอื่นๆในประเภทเดียวกัน  รวมทั้งอาจเกิดความผิดพลาดได้ในกรณีที่แพทย์สั่งงานทางโทรศัพท์โดยไม่ได้เข้ามาตรวจอาการคนไข้ด้วยตัวเอง
อคติทางเพศ  :  แพทย์รุ่นเก่าจำนวนหนึ่งยังมองพยาบาลว่าเป็นเพศหญิงซึ่งเป็นแพทย์ที่ไม่ฉลาด  แต่แพทย์รุ่นใหม่จะยอมรับพยาบาลในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมงานมากขึ้น

   11.  ประชาสัมพันธ์  เธอคือภาพพจน์ขององค์กร

เงินเดือน  :  ในบริษัทเอกชนจะเริ่มที่ประมาณ  12,000 บาท และเงินเดือนขั้นสูงจะอยู่ในราว 50,000-100,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กรและความรับผิดชอบ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  แต่จะมีผู้ชายมากขึ้นในงานประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมด้วย
การเริ่มต้น  :  ถ้าเรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์โดยตรงจะเป็นประโยชน์มากแต่ก็ไม่จำเป็นนัก  ที่สำคัญคือต้องสนใจติดตามข่าวสารต่างๆ ทันสมัยอยู่เสมอ  ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี  และหากศึกษามาทางด้านสื่อสารมวลชนก็จะได้เปรียบเพราะนอกจากจะเข้าใจเนื้องานได้ง่ายขึ้นแล้ว  ในการทำงาน  ยังต้องประสานงานกับสื่อมวลชนเป็นประจำอีกด้วย
หน้าที่  :  เผยแพร่ข่าวสารขององค์กรสร้างความรู้สึกความเข้าใจและสร้างทัศนคติที่ดีต่อกันทั้งระหว่างองค์กรกับบุคคลภายนอกและบุคลากรขององค์กรเอง ต้องคิดเป็น  เขียนเป็น นำเสนอได้  ที่สำคัญที่สุดต้องสามารถวางแผนการประชาสัมพันธ์  และประสานงานกับสื่อมวลชนได้ดี
ความก้าวหน้า  :  ขึ้นอยู่กับอายุงาน  ความสามารถ  และผลงานที่ทำให้องค์กรเป็นที่รู้จัก  อาจก้าวขึ้นไปถึงระดับผู้บริหาร  จนถึงการมีกิจการเป็นของตัวเองเกี่ยวกับงานด้านประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ
ข้อดี  :  มีโอกาสรู้จักสื่อมวลชนหลายสาขา  ซึ่งจะเป็นผลดีหากต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง  ได้ประสบการณ์แปลกใหม่และพบปะผู้คนที่แตกต่างกันไป
ปัญหาในการทำงาน  :  การวัดความสำเร็จของงานขึ้นอยู่กับความสามารถในการแทรกตัวเข้าไปยังสื่อต่างๆ ทำให้ต้องแข่งขันกันสูงท่ามกลางพื้นที่อันจำกัดของสื่อมวลชน  และยังอาจวางตัวลำบากในการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนให้สมดุลระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
อคติทางเพศ  :  เป็นอาชีพที่ผู้หญิงได้รับการยอมรับมากกว่าผู้ชาย  เพราะเชื่อกันว่าประชาสัมพันธ์ที่เป็นผู้หญิงจะดูอ่อนหวาน  มีเสน่ห์  และทำให้คนอยากคุยด้วย  ซึ่งเป็นผลดีกับงานมากกว่า

  12.  ข้าราชการ  เงินเดือนน้อยแต่มั่นคง
เงินเดือน  :  วุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี  4,100 บาท  ปริญญาตรี (ระดับ 3) 6,020  บาท  วุฒิปริญญาโท (ระดับ 4) 7,380 บาท  ปริญญาเอก (ระดับ 5) 9,040 บาท และมีการเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนตามอายุงานและผลงาน  จนถึงขั้นสูงคือ 59,090 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  โดยรวมแล้วเท่าๆกัน ส่วนในรายละเอียดก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานว่าเหมาะสมกับความชำนาญของหญิงหรือชาย
การเริ่มต้น  :  ส่วนใหญ่ต้องผ่านการสอบของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้วจึงไปสอบสัมภาษณ์กับหน่วยงานต้นสังกัดอีกครั้ง  โดยพิจารณาจากความรู้ในสายงาน ความสามารถทางภาษา  การเข้าสังคม  การปรับตัว  มนุษยสัมพันธ์  วิธีการพูดจาโต้ตอบ  ทัศนคติ  ฯลฯ
หน้าที่  :  ขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดโดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐเป็นหลัก  โดยแต่ละหน่วยงานจะแยกความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน
ความก้าวหน้า  :  แม้จะเป้นงานที่ต้องใช้เวลามากในการก้าวสู่ตำแหน่งสูง  แต่ก็เป็นงานที่มั่นคง  สวัสดิการดี  และมีผลตอบแทนให้หลังจากเกษียณอายุแล้ว
ข้อดี  :  ในสังคมชนบทจะได้รับการยกย่องสูงโดยเฉพาะข้าราชการตำแหน่งที่ใหญ่มากๆ แต่ในสังคมเมืองข้าราชการก็เป็นคนทำงานคนหนึ่ง  แต่คนทั่วไปยังให้เกียรติเพราะถือว่าเป็นคนทำงานโดยไม่หวังผลกำไร  นอกจากนี้ยังมีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทั้งเรียนต่อและฝึกอบรมได้ตลอดเวลา
ปัญหาในการทำงาน  :  รายได้น้อยไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ  จึงอาจทำให้เกิดปัญหาสมองไหลสู่ภาคเอกชนและเป็นบ่อเกิดของปัญหาคอร์รัปชั่น
อคติทางเพศ  :  ในปัจจุบันข้าราชการผู้หญิงได้รับการยอมรับเท่าเทียมผู้ชายและพบว่าหลายหน่วยงานมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้หญิง

   13.  พนักงานบัญชี  คุณละเอียดผู้ดูแลกระเป๋าเงิน

เงินเดือน  :  เริ่มต้นที่ประมาณ  8,000-10,000 บาทขึ้นไป  จนถึงมากกว่า 100,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง  :  ในสายงานผู้จัดทำบัญชีจะเห็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย  ประมาณ 60:40  แต่ถ้าเป็นงานตรวจสอบบัญชีผู้หญิงจะน้อยกว่าผู้ชายประมาณ 40:60
การเริ่มต้น  :  เรียนจบปริญญาตรีทางสายบัญชีหรือสูงกว่า  สำหรับผู้ต้องการทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี  ต้องจบบัญชีในสาขาบัญชีโดยตรง  และต้องมีความละเอียดรอบคอบสูงมาก
หน้าที่  :  มี 2 ส่วนคือ
1.  ผู้จัดทำบัญชี  จัดทำบัญชีทั้งประเภทรายวัน  รายเดือน  และรายปีของนิติบุคคล
2.  ผู้ตรวจสอบบัญชี  ตรวจสอบงบการเงินรายปีของนิติบุคลก่อนยื่นให้กรมสรรพากร
ความก้าวหน้า  :  ในส่วนผู้จัดทำบัญชีสามารถก้าวหน้าขึ้นตามประสบการณ์และความสามารถจนถึงเป็นผู้บริหารได้ส่วนผู้ตรวจสอบบัญชี  ต้องผ่านการฝึกงานในสำนักงานตรวจสอบบัญชีจนมีประสบการณ์ครบ 3,000 ชั่วโมงหรือเฉลี่ย 3 ปี จึงสามารถสอบรับใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีที่เรียกว่า CPA ได้
ข้อดี  :  ได้รู้เกี่ยวกับการรับจ่ายเงิน  งบประมาณ  และกำไรขาดทุนของบริษัทรู้หลักการบริหารธุรกิจ  ซึ่งเป็นประโยชน์ในกรณีที่คิดจะทำธุรกิจของตัวเอง
ปัญหาการทำงาน  :  อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้จัดทำบัญชีและผู้บริหารที่กังวลว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากการทำบัญชีตามมาตรฐาน  ส่วนผู้ตรวจสอบบัญชีต้องรับผิดชอบในเอกสารทางบัญชีของบริษัทที่ตนเข้าไปตรวจสอบหากทุจริตหรือประมาทเลินเล่อก็เป็นเหตุให้ถูกยึดใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีได้

อาชีพเสริม สร้างรายได้ ที่น่าสนใจ งานฝีมือ

   1. ขายของแฮนด์เมด หรือรับงานประดิษฐ์มาทำที่บ้าน เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้เสริมสำหรับผู้ที่ทำงานประจำและรักในงานฝีมือ แต่ยังไม่มีช่องทางในการจัดจำหน่ายหรือยังไม่มีฐานลูกค้าที่มั่นคง เราอาจจะเริ่มต้นในการหารายได้เสริมนี้ ด้วยการประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ให้กลายเป็นสินค้าทำงานในรูปแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร
หลังจากได้สินค้าด้วยฝีมือแฮนด์เมดของเราแล้ว อาจจะมองหาช่องทางในการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ หรือจำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊คก็ได้ ถ้ามีเงินลงทุนนิดหน่อย แนะนำให้ลงโฆษณาแฟนเพจกับเฟสบุ๊คด้วย เพราะจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของเราได้มากยิ่งขึ้น
หรือหากท่านใดมีความรู้ความสามารถในการตัด เย็บ พับ ร้อยต่างๆ ให้กลายเป็นงานประดิษฐ์จากฝีมือ ก็สามารถรับงานประดิษฐ์มาทำที่บ้านได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้เสริมเป็นอย่างดี รับงานประดิษฐ์มาทำที่บ้าน มีอะไรบ้าง
  • งานฝีมือร้อยหลอดดาว
  • รับจ้างร้อยมาลัย
  • รับจ้างเย็บปะ ตัดขา และแก้ทรงเสื้อผ้า
  • รับจ้างพับนก พับดาว และพับลิปบิ้นห่อเหรียญ
  • พับถุงกระดาษ สำหรับใส่กาแฟ หรือถุงป๊อบคอร์น
  • พับซองเอกสาร
  • รับจ้างปักแผ่นเฟรม
  • รับจ้างวาดรูป วาดเขียน ศิลปะตกแต่งผนัง
  • ถักเสื้อไหมพรม หมวกไหมพรม กระเป๋าไหมพรม หรือตุ๊กตาไหมพรมขาย
  • ถักผ้าพันคอโครเชต์ หรือสินค้าและของใช้โครเชต์ต่างๆ ขาย
  • อื่นๆ ฯลฯ

    2. รับจ้างเสริมสวย แต่งหน้า ทำผม เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีรายได้ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะทำเป็นอาชีพหลักแล้ว ยังสามารถเพิ่มช่องทางทำเงินด้วยการทำเป็น  “อาชีพเสริม หลังเลิกงาน” หรือหลังเลิกเรียนได้อีกด้วย เพราะการแต่งหน้า เสริมสวย หรือทำผม ถูกจัดให้เป็นงานฝีมืออีกอย่างหนึ่ง ที่ต้องใช้ทั้งสมาธิและความประณีตในการทำงาน หากเราทำอย่างไม่ตั้งใจ งานก็จะออกมาไม่ดี และทำให้ผู้ที่มาใช้บริการไม่พอใจได้ การหารายได้พิเศษด้วยการรับจ้างเสริมสวย คืออะไร ยกตัวอย่างเช่น
  • รับแต่งหน้าในงานรับปริญญา หรืองานเลี้ยงต่างๆ
  • รับแต่งหน้าทำผมเจ้าบ่าว – เจ้าสาว นอกสถานที่
  • สอนแต่งหน้าทำผมออนไลน์ผ่านเน็ต หรือทำคลิปวิดีโอ How to เกี่ยวกับการเสริมสวย ลงใน You Tube
  • รับจ้างทำผมให้กับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
  • ขายสินค้ากิฟช๊อฟ หรืออุปกรณ์ทำผม เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ
  • อื่นๆ ฯลฯ

  3. ทำเล็บ – เพ้นท์เล็บแฟชั่น หากคุณเป็นคนที่มีใจรักในการทำงานบริการ และชื่นชอบในการวาดเขียนหรือเพ้นท์สีต่างๆ เราขอแนะนำอาชีพรับจ้างทำเล็บ – เพ้นท์เล็บแฟชั่นเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้ทำงานที่ตัวเองชื่นชอบแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่ง “อาชีพเสริม รายได้ดี ที่สามารถทำหลังเลิกงานหรือหลังเลิกเรียนก็ได้ แต่ก็มีหลายท่านที่สนใจในการเพ้นท์เล็บแฟชั่น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเปิดร้านทำเล็บ – เพ้นท์เล็บ ที่ไหนดี และข้อดีของอาชีพนี้ มีอะไรบ้าง
  • เช่าบูธในตลาดนัดไนท์พลาซ่า หรือตลาดทั่วไปที่มีคนเดินเยอะๆ เพื่อเปิดเป็นร้านทำเล็บ – เพ้นท์เล็บแฟชั่นในราคาสบายกระเป๋า ซึ่งจะสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
  • นอกจากจะทำเล็บ เพ้นท์เล็บให้ลูกค้าเสร็จแล้ว เรายังสามารถนำเสนอขายน้ำยาล้างเล็บ น้ำยาบำรุงเล็บ หรือสีทาเล็บ รวมไปถึงสติ๊กเกอร์ติดเล็บ และเล็บปลอมให้กับลูกค้าได้อีกด้วย
  • รับจ้างทำเล็บ เพ้นท์เล็บ ให้เพื่อนๆ นักเรียนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ในช่วงเลิกเรียนหรือมีเวลาว่าง
  • อื่นๆ ฯลฯ

  4. ขายของตลาดนัด เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมยอดฮิตของเหล่าพนักงานประจำหรือนักเรียนนักศึกษา ที่มักใช้เวลาว่างในช่วงของวันหยุดหรือหลังเลิกงาน นำเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับต่างๆ มาวางขายที่ตลาดนัด เพราะการเช่าพื้นที่ตลาดนัดเพื่อวางขายสินค้านั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้เสริมที่เป็นการลงทุนและลงแรงแบบคุ้มค่าเหนื่อยมากๆ เลยค่ะ
เพราะถ้าหากสินค้าที่เรานำมาจำหน่ายนั้น มีความแปลกใหม่และดูสวยงามน่าสนใจกว่าร้านค้าอื่นๆ ก็จะทำให้ลูกค้าที่มาเดินซื้อของภายในตลาดนัดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้เราขายดีและได้กำไรดีแบบคุ้มค่าเหนื่อยกันเลยทีเดียว แต่การขายของตลาดนัดนั้น ก็จำเป็นต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างถึงจะทำอาชีพนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่น
  • ต้องมีเงินลงทุนเป็นก้อน หรือตลาดรับซื้อสินค้าในราคาส่ง
  • ต้องรู้จักแบ่งเวลาในการทำงานประจำและงานเสริม เพื่อที่จะไม่ให้มีผลกระทบในการทำงานทั้งสองอย่าง
  • ต้องมีความขยันในการทำงาน เพราะหลังจากเลิกงานประจำ จะต้องรีบไปตั้งแผงจัดร้านในทันที
  • ต้องมีอัธยาศัยดี และมีใจรักงานบริการลูกค้า
  • ต้องรู้เท่าทันตลาด ว่าผู้บริโภคต้องการและสนใจสินค้าประเภทใด และถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรเปลี่ยนสินค้าที่นำมาขายบ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้ลูกค้าที่เคยมาซื้อสินค้าเดิมหายไป และลูกค้าจะจดจำสินค้าไม่ได้ ทำให้ไม่มีลูกค้าประจำ
  • คิดบวก อดทน และมีความซื่อสัตย์สุจริตในการขาย
  5. วินมอเตอร์ไซค์ และรถรับจ้างทั่วไป คือ งานในลักษณะของการให้บริการขนส่งต่างๆ ซึ่งถ้าหากเป็นวินมอเตอร์ไซต์รับจ้างภายในเขตกรุงเทพ ฯ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกอย่างถูกต้องตามกฎ และห้ามทำผิดกฎของขนส่งทางบกด้วย ไม่เช่นนั้น อาจจะถูกจับ และถูกเพิกถอนใบอนุญาติขับขี่รถสาธารณะไปตลอดชีวิต
สำหรับอาชีพวินมอเตอร์ไซต์รับจ้างทั่วไปนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่สามารถสร้างเงินให้กับคนรากหญ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาชีพนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานประจำสำหรับบุคคลทั่วไปเท่านั้น เพราะในปัจจุบันก็มีพนักงานประจำจำนวนมากที่ผันตัวเองมาทำอาชีพขับวินมอเตอร์ไซต์หลังเลิกงาน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้พิเศษ
ส่วนรถรับจ้างทั่วไปก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น รถแท็กซี่รับจ้าง รถตู้สาธารณะ หรือรถกระบะ และรถ 6-10 ล้อรับจ้างทั่วไป ที่ผู้คนมักจะเรียกใช้บริการสำหรับขนของเพื่อย้ายที่อยู่อาศัย หรือเช่าเหมารถตู้ให้ไปเที่ยวหรือไปส่งในสถานที่ต่างๆ ก็ตาม ซึ่งอาชีพเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีใบประกอบการขับขี่ที่ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักก็ตาม ก็ต้องปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้น อาจจะถูกจับ และปรับได้ และถ้าหากสนใจอยากทำอาชีพขับวินมอเตอร์ไซต์ หรือรถรับจ้างทั่วไปเพื่อทำเป็นอาชีพเสริม หรือทำเป็นอาชีพหลักเพื่อหารายได้ สิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมีในการทำอาชีพนี้ มีอะไรบ้าง
  • ยานพาหนะ เช่น รถมอเตอร์ไซต์ , รถตู้สาธารณะ , รถกระบะรับจ้างทั่วไป , รถ 6-10 ล้อรับจ้าง ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกทำอาชีพอะไร
  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะสำหรับอาชีพขับวินมอไซต์ หรือใบขับขี่ชนิดที่สองทุกประเภท สำหรับอาชีพขับรถตู้รับจ้าง และรถ 6-10 ล้อรับจ้างทั่วไป
  • หมวกกันน็อค 2 ใบ สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพขับวินมอไซต์

  6. รับจ้างซักรีด เป็นอีกหนึ่งงานบริการที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะอาชีพนี้ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องมีหน้าร้านหรือเปิดร้านซักรีดเป็นของตัวเองก็ได้ เพราะอาชีพรับจ้างซักรีด เราสามารถเปลี่ยนบ้านให้เป็นสถานที่ทำงานได้อย่างลงตัว หรือแม้แต่นักเรียนนักศึกษาหรือพนักงานประจำที่มีเวลาว่างในช่วงหลังเลิกเรียนหรือเลิกงานแล้วก็ตาม สามารถใช้เวลาว่างที่มีอยู่ มารับจ้างซักรีดเสื้อผ้าต่างๆ ให้กับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยหรือในสถานที่ทำงานก็ได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้เสริมให้กับตัวเองค่ะ
ซึ่งในปัจจุบัน อาชีพรับจ้างซักรีด ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีรายได้ดีเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนในสังคมสมัยใหม่ มักจะใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายบวกกับความขี้เกียจ จึงมักจะส่งเสื้อผ้าซักรีดอยู่เป็นประจำ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับพนักงานประจำหรือนักเรียนนักศึกษาที่กำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่ในขณะนี้ค่ะ
  7. ขายอาหารเสริม เป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่ทำให้พนักงานประจำหรือนักเรียนนักศึกษาหลายคนมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บางคนเรียนไปด้วยขายอาหารเสริมให้เพื่อนๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยไปด้วย ทำให้มีรายได้ประจำ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องขอเงินผู้ปกครองมาใช้จ่ายและยังสามารถส่งตัวเองเรียนจนจบได้อีกด้วย  และมีพนักงานประจำหลายคน ที่มักจะใช้เวลาว่างในช่วงหลังเลิกงานมาขายอาหารเสริมเพื่อหารายได้เสริมให้กับตัวเอง ซึ่งช่องทางในการจำหน่ายอาหารเสริมก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การขายผ่านอินเทอร์เน็ต หรือผ่านทางการโฆษณาบอกเล่าด้วยตัวเองบ้างก็ตาม ซึ่งก็ทำให้หลายคนที่หันมาประกอบอาชีพนี้ร่ำรวยขึ้น จนสามารถลาออกจากงานประจำได้ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่กำลังมาแรงมากในช่วงนี้เลยค่ะ