คุณสมบัติของผู้หญิงทำงานเก่งๆนั้น มักปรากฏชัดในตัวผู้หญิงที่รู้สึกสนุกกับงานที่ทำ เข้าใจและมีความรู้ในความเป็นอาชีพที่ตนเลือก จนสามารถดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังรู้จักนำข้อได้เปรียบทางธรรมชาติและยอมรับในสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของความเป็นผู้หญิงมาใช้ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สัดส่วนในโลกการทำงานของทุกสายอาชีพมีจำนวนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถแทรกเข้าไปในหลายอาชีพที่เคยมีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น และนี่คือ 13 อาชีพที่สำรวจมาสำหรับผู้ที่กำลังอยากก้าวเข้าสู่สายอาชีพเหล่านี้
1. ทนายความ ไปได้ไกลเท่าที่ต้องการ
เงินเดือน : ในสำนักงานทนายความท้องถิ่นบางแห่งอาจเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 3,000 บาท ส่วนในบริษัทต่างประเทศจะเริ่มต้นที่ประมาณ 16,000 บาท และเงินเดือนขั้นสูงของทนายความซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทจะได้ 1,000,000 บาท ขึ้นไป
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : มีทนายความผู้ชายมากกว่าผู้หญิงในอัตราส่วน 80 : 20 แต่ปัจจุบันสัดส่วนการสอบเข้าคณะนิติศาสตร์หรือสอบใบอนุญาตทนายความของผู้หญิงมีแนวโน้มสูงขึ้น
การเริ่มต้น : ต้องจบจากคณะนิติศาสตร์หากต้องการว่าความในศาลต้องสอบใบอนุญาตว่าความ และหากจะสอบเป็นผู้พิพากษาต้องสอบจากเนติบัณฑิตจากเนติบัณฑิตยสภาก่อน สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นที่ปรึกษากฎหมายทางธุรกิจควรเรียนจบจากต่างประเทศหรือใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมาก
หน้าที่ : เริ่มจากการเป็นทนายความที่ทำหน้าที่เสมียนหรือติดตามทนายความรุ่นพี่เพื่อเรียนรู้การทำงาน ค้นคว้าวิจัยข้อกฎหมาย ทำงานด้านเอกสาร ประสานงาน และเมื่อก้าวขึ้นระดับสูงก็ต้องดูแลลูกความ วางโครงสร้างคดีว่าความ ส่วนอัยการซึ่งเป้นทนายของรัฐนั้นจะดูแลการดำเนินการทางกฎหมายและรักษาผลประโยชน์ของภาครัฐเป็นหลัก
ความก้าวหน้า : ขึ้นอยู่กับความสามารถ สติปัญญา และโอกาส โดยตำแหน่งสูงสุดคือผู้พิพากษาหรือเป็นหุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย
ข้อดี : เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากสังคมสูง
ปัญหาในการทำงาน : งานหนัก มีเวลาส่วนตัวน้อย และต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำบ่อยๆ เพราะการทำคดีส่วนใหญ่มักมีเงื่อนไขทางด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
อคติทางเพศ : ไม่มี ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่า แต่ทนายความหญิงอาจมีข้อจำกัดมากกว่าในกรณีที่ต้องออกพื้นที่ จึงเน้นทำคดีแพ่งและพาณิชย์มากกว่าคดีอาญา
2. สื่อมวลชน สื่อกลางของสังคม
เงินเดือน : เริ่มตั้งแต่ประมาณ 8,500 บาท จนถึง 50,000 บาทขึ้นไป + เงินประจำตำแหน่ง ค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ใกล้เคียงกัน โดยถ้าเป็นสื่อในด้านที่เกี่ยวกับผู้หญิง เช่น นิตยสารผู้หญิงก็จะมีผู้หญิงทำงานมากกว่า
การเริ่มต้น : เรียนจบสาขาไหนก็ได้แต่ต้องเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวมากและติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างสม่ำเสมอ กาเรียนเฉพาะเช่นในคณะนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์จะทำให้เข้าสู่สายอาชีพได้ง่ายขึ้น
หน้าที่ : นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นสู่สังคมโดยเฉพาะสื่อประเภทหนังสือพิมพ์ สามารถเป็นปากสียงให้ประชาชนธรรมดาๆในขณะที่สามารถตรวจสอบสถาบันที่มีอำนาจต่างๆได้ โดยถือเป็นสถาบันที่มีความเข้มแข็งมากสถาบันหนึ่ง
ความก้าวหน้า : ตำแหน่งไม่ใช่บทสรุปของงาน คนมีความสามารถอาจได้เป็นถึงผู้บริหารองค์กร พอๆกับที่อาจพอใจในการเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามเช่นเดียวกับเงินเดือนที่ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่าตำแหน่ง
ข้อดี : สามารถใช้อำนาจสื่อที่มีอยู่ในมือไปในทางที่มีประโยชน์ได้มาก มีโอกาสเดินทางและรู้จักผู้คนทุกระดับชั้น รวมทั้งได้ประสบการณ์แปลกๆที่หายาก
ปัญหาในการทำงาน : งานหนัก การแข่งขันสูง ทั้งแข่งกับเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและยังต้องแข่งกับเพื่อนร่วมอาชีพในลักษณะที่เป็น “ธุรกิจสื่อมวลชน”
อคติทางเพศ : ไม่ชัดเจนนัก แต่สาเหตุที่ผู้หญิงมักไม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารเป็นเพราะไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานได้มากเท่าผู้ชาย อาจเพราะเรื่องของครอบครัว การทนแรงกดดันจากการแข่งขันได้น้อยกว่า หรือมีข้อจำกัดในการทำงานบางประเภท เช่น งานข่าวอาชญากรรม ซึ่งมีความเสี่ยงสูง
3. แอร์โฮสเตส หวือหวากับรายได้และการเดินทาง
เงินเดือน : เริ่มที่ประมาณ 8,500 บาท จนถึงประมาณ 80,000 บาท + ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าชั่วโมงบิน ค่าล่วงเวลาพิเศษ ค่าภาษา ฯลฯ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง
การเริ่มต้น : สิ่งสำคัญมากคือต้องมีสุขภาพแข็งแรง บุคลิกดี และทักษะทางภาษาดีโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ถ้ามีความรู้ด้านภาษาอื่นจะยิ่งได้เปรียบและทำให้ก้าวหน้าในอาชีพได้ดี
หน้าที่ : ก่อนขึ้นเครื่องต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินที่ต้องทำงาน ทั้งชั่วโมงบิน สภาพอากาศ จำนวนผู้โดยสาร และการบริการผู้โดยสารประเภทต่างๆ เมื่ออยู่ในเที่ยวบินต้องบริการอาหารและเครื่องดื่มให้ผู้โดยสาร ดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมทั้งสามารถให้ข้อมูลต่างๆในการเดินทางกับผู้โดยสารได้
ความก้าวหน้า : เป็นงานที่รายได้ดี
ข้อดี : ได้เดินทางท่องเที่ยว ทำให้ได้ประสบการณ์กว้างไกล ได้พบผู้คนมากมาย และทันสมัยอยู่เสมอ รวมทั้งมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนชาติต่างๆ และสร้างโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ
ปัญหาในการทำงาน : ที่พบมากที่สุดคือปัญหาสุขภาพเนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน การอดนอน และการปรับเวลา ซึ่งทำให้แอร์โฮสเตสส่วนใหญ่เกษียณตัวเองก่อนกำหนด
อคติทางเพศ : ไม่มี
4. เลขานุการ มือขวาของผู้บริหาร
เงินเดือน : ตั้งแต่ 8,500 บาท จนถึง 300,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบสูง และค่อนข้างจุกจิก แต่เลขานุการในตำแหน่งสำคัญ เช่น เลขานุการองค์กรมักเป็นผู้ชาย
การเริ่มต้น : เรียนจบสาขาใดก็ได้ แต่ควรเรียนทักษะด้านเลขาฯเพิ่มเติม ใช้คอมพิวเตอร์ได้ในระดับดี หากมีความรู้ภาษาอังกฤษดีจะก้าวหน้ามาก และที่สำคัญคือต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
หน้าที่ : ถ้าเป็นเลขาฯแผนกจะเน้นการจัดการพื้นฐานในสำนักงาน แต่เป็นเลขาฯของผู้บริหารจะต้องจัดการเรื่องต่างๆทั้งงานและส่วนตัวให้เจ้านาย บางคนต้องเข้าร่วมประชุมออกงานพร้อมเจ้านายด้วย เลขาฯ ระดับผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถสูงทำหน้าที่ไม่ต่างจากมือขวาของเจ้านาย ซึ่งต้องมีไหวพริบ รู้จักกาลเทศะ และกล้าตัดสินใจ
ความก้าวหน้า : โดยตำแหน่งแล้วมักเคลื่อนไหวน้อย ความก้าวหน้าขึ้นอยู่กับว่าเป็นเลขาฯของใคร
ข้อดี : มีโอกาสได้เรียนรู้งานหลากหลาย ได้พบปะผู้คนมากมายโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงๆ เป็นการเปิดโลก รู้จักวิเคราะห์นิสัยคน เรียนรู้การเข้าสังคมได้หลายระดับ ทำให้มีโอกาสเปลี่ยนสายงานหรือทำธุรกิจของตัวเองได้
ปัญหาในการทำงาน : เนื่องจากต้องทำงานใกล้ชิดกับเจ้านายจึงต้องปรับตัวสูงเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ดี และยังต้องมีวิธีจัดการกับปัญหาและผู้คนอย่างฉลาดและรวดเร็ว เนื่องจากต้องประสานงานกับบุคคลจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา
อคติทางเพศ : มีน้อยมาก
5. ล่าม ผู้ช่วยของการสื่อสาร
เงินเดือน : ล่ามประจำเริ่มที่ประมาณ 20,000 บาท จนถึง 60,000 บาท ส่วนล่ามอิสระจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน แต่โดยเฉลี่ยรายได้จะตกวันละ 10,000-30,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ใกล้เคียงกัน
การเริ่มต้น : ต้องใช้ภาษานั้นๆได้อย่างดี อาจเรียนจบมาโดยตรง หรือเคยไปใช้ชีวิตในประเทศนั้น นอกจากนี้ยังต้องมีควาชำนาญในเนื้อหาของงานที่แปล และควรเข้ารับการอบรมหลักสูตรล่ามเบื้องต้นมาก่อน
หน้าที่ : เป็นผู้ช่วยในการสื่อสารทำหน้าที่ถ่ายทอดภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่ง
ความก้วหน้า : วัดได้จากความสามารถในการรับงานที่ยากมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเริ่มจากการเป็นล่ามทั่วไปและก้าวหน้าเป็นล่ามในที่ประชุมซึ่งเป็นล่ามพูดตาม แปลหลังจากที่ผู้พูดกล่าวจบประโยคแล้ว โดยนั่งอยู่ร่วมกับผู้พูดด้วย และที่ใช้ความสามารถสูงสุดคือ ล่ามพูดพร้อมโดยล่ามจะอยู่ที่ห้องเล็กๆแปลคำพูดไปพร้อมกับผู้พูด โดยผู้ฟังจะได้ยินเสียงล่ามผ่านทางหูฟัง
ข้อดี : ได้เพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ ที่หลากหลายเปลี่ยนแปลงไปตามเรื่องที่แปล
ปัญหาในการทำงาน : นอกจากต้องเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาแล้ว ยังต้องจับความต่างในวิธีการพูดหรือความสั้นยาวของคำให้พอดีกัน และในกรณีเป็นล่ามในงานสำคัญ เช่น ทางการเมืองหรือการทูตล่ามควรพยายามวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในตัวล่ามได้
อคติทางเพศ : มีน้อยมาก ยกเว้นอาจมีบางกรณี เช่น กรณีที่ล่ามหญิงต้องเข้าไปแปลงานในโรงงาน ซึ่งใช้ศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกหากไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี อาจทำให้ได้รับความไว้วางใจน้อยกว่า
6. นักสำรวจ สื่อกลางระหว่างคนและโลก
เงินเดือน : สังกัดภาครัฐก็ได้ผลตอบแทนเหมือนข้าราชการทั่วไป แต่ถ้าทำงานวิจัยในช่วงเริ่มต้นจะได้รับทุนประมาณโครงการละไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนโครงการใหญ่ๆ อาจได้รับทุนเป็นล้านขึ้นไป ( ระยะเวลา 2 ปี รวมค่าใช้จ่ายในการทำงานและเงินเดือน )
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ปัจจุบันมีนักวิจัยคิดเป็น 17 คน ต่อประชากร 100,000 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย แต่เมื่อแยกตามความถนัดแล้วจะพบว่านักวิจัยด้านพฤกษศาสตร์จะเป็นผู้หญิงมากกว่า
การเริ่มต้น : ควรเรียนสายวิทย์หรือสายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจ แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป สิ่งสำคัญคือมีใจรักและตั้งใจจริงในการทำงาน
หน้าที่ : ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานที่ตั้งไว้ แล้วจึงสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลให้ได้ตามวัตถุประสงค์
ความก้าวหน้า : สามารถเป็นนักสำรวจเชิงลึกที่เชี่ยวชาญในแขนงนั้นๆและมีโอกาสได้รับทุนสนับสนุนมากขึ้น
ข้อดี : ได้ความภาคภูมิใจในการนำความรู้ใหม่ๆ มาเผยแพร่ ได้รับเกียรติและการยอมรับจากสังคมในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ปัญหาในการทำงาน : ขาดแคลนคนทำงาน เพราะขาดงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ
อคติทางเพศ : ไม่มี แต่อาจมีปัญหาในการทำงานภาคสนามซึ่งยากลำบากสำหรับผู้หญิง
7. โปรแกรมเมอร์ ผสานเทคโนโลยีเข้ากับการใช้งาน
เงินเดือน : ตั้งแต่ 15,000 บาท จนถึง 100,000 บาทขึ้นไป หรือมีรายได้จากการรับงานอิสระเป็นโครงการ ซึ่งรายได้จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมาเป็นหลัก
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ส่วนใหญ่เป็นชายประมาณ 70-80%
การเริ่มต้น : ควรมีพื้นฐานที่ดีทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สถิติ และภาษาอังกฤษ การหาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เริ่มจากการไปลงคอร์สเรียนด้านการเขียนโปรแกรมตามมหาวิทยาลัย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรปริญญา
หน้าที่ : ออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งาน รวมทั้งติดตามผลการใช้งานและแก้ไขโปรแกรม และในบางกรณีโปรแกรมเมอร์ต้องติดต่อและดูแลลูกค้าด้วย
ความก้าวหน้า : เนื่องจากเป็นสายอาชีพที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วตลาดแรงงานจึงยังต้องการมาก ทั้งงานรับจ้างและสร้างธุรกิจของตนเอง และมีโอกาสในการทำรายได้มาก
ข้อดี : โปรแกรมเมอร์ที่มีฝีมือจะได้ใบรับรองในอาชีพและสาขาที่ตนถนัดและมีโอกาสรับงานได้มาก โดยเฉพาะงานจากต่างประเทศซึ่งจะทำรายได้ดีขึ้นเป็นหลายเท่าตัว โดยสามารถรับและส่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตได้
ปัญหาในการทำงาน : เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านนี้ก้าวหน้าไปเร็วมาก โปรแกรมเมอร์จึงมักต้องทุ่มเทเวลาและงบประมาณในการเพิ่มพูนความรู้ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งต้องเรียนรู้ด้านการตลาดและการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ยังขาดทักษะนี้
อคติทางเพศ : ไม่มี เนื่องจากยอมรับกันว่าเรื่องของเทคนิคนั้นทั้งหญิงและชายสามารถเรียนรู้ได้เท่ากัน ส่วนผู้หญิงอาจได้เปรียบกว่าในแง่การเข้าถึงลูกค้า
8. แพทย์ งานหนักที่ต้องเสียสละและเมตตา
เงินเดือน : ช่วงใช้ทุนระยะเวลา 3 ปี จะได้รับเงินเดือนอัตราเดียวกับข้าราชการระดับ 4 คือประมาณ 8,610 บาท ส่วนเงินเดือนขั้นสูง ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐ ก็ปรับเงินเดือนตามอัตราข้าราชการ แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางจะได้รับเงินเดือนประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : มีแพทย์ชายมากกว่าแพทย์หญิง 2 เท่า แต่สัดส่วนของนักเรียนแพทย์ในปัจจุบันจะมีชายและหญิงไล่เลี่ยกัน
การเริ่มต้น : เริ่มจากการเลือกเรียนสายวิทย์ตั้งแต่มัธยมปลาย ต้องมีผลการเรียนดี และควรผ่านคอร์สอบรมหลักสูตรการเตรียมตัวเป็นนักเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆเปิดขึ้น เพื่อการเตรียมตัวและตัดสินใจ นักเรียนแพทย์จะใช้เวลาเรียน 6 ปี ในระดับปริญญาตรี จากนั้นจึงเรียนเป็นแพทย์เฉพาะทางต่อไป
หน้าที่ : ตรวจรักษาผู้เจ็บป่วยและติดตามผล ซึ่งเป็นงานที่ต้องเสียสละ อดทน มีความเมตตา และรับผิดชอบสูง
ความก้าวหน้า : ก้าวหน้าได้มากทั้งสายงานรัฐบาลและเอกชน เพราะสังคมให้ความเชื่อถือและยอมรับสูง มีโอกาสเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง
ข้อดี : ได้รับความเคารพและเชื่อถือสูง และเป็นอาชีพที่มีเกียรติในสังคม
ปัญหาในการทำงาน : งานหนัก บางครั้งทำงานไม่เป็นเวลา มีเวลาส่วนตัวค่อนข้างน้อย และในช่วงหลังคนไข้เริ่มตื่นตัวในสิทธิ์ของผู้ป่วยมากขึ้น จึงมีโอกาสที่แพทย์จะถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการรักษามากขึ้น
อคติทางเพศ : ไม่มี แต่ผู้เชี่ยวชาญบางสาขายังมีแพทย์หญิงสนใจเลือกน้อยมากเพราะเป็นงานหนัก เช่น งานด้านศัลยกรรม โดยเฉพาะศัลยกรรมสมอง หรืองานด้านนิติเวช
9. นักการเมือง ตัวแทนคุณภาพของประชาชน
เงินเดือน : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เงินเดือนประมาณ 70,000 บาท ส่วน ส.ส. ที่ทำหน้าที่บริหารด้วยจะได้รับเงินเดือนลดหลั่นกันไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง โดยจะได้รับเป็นเงินเดือนบวกเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมือง
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ปัจจุบันมีผู้หญิงเป็นนักการเมืองมากขึ้น และได้รับเลือกเป็น ส.ส. คิดเป็นจำนวนประมาณ 20% ของส.ส.ทั้งหมด
การเริ่มต้น : ต้องเรียนจบปริญญาตรีมีใจรัก และมีอุดมการณ์ เพราะเป็นงานที่ต้องเสียสละและไม่มีตารางเวลางานที่ชัดเจน ต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์อย่างดีจากอาชีพเดิมที่เคยทำมา รวมทั้งเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกและประเทศการเริ่มต้นอาชีพทำได้โดยการเข้าไปสังกัดพรรคการเมืองที่ชอบ
หน้าที่ : เป็นตัวแทนของประชาชนในการบริหารบ้านเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
ความก้าวหน้า : สามารถเติบโตเป็นนักการเมืองระดับประเทศ หัวหน้าพรรค ประธานกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน รัฐมนตรี และตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองคือนายกรัฐมนตรี
ข้อดี : ได้รับการยอมรับและยกย่องในฐานะที่พึ่งของประชาชน รวมทั้งมีสิทธิพิเศษในหลายๆเรื่อง
ปัญหาในการทำงาน : งบประมาณจำกัดจนทำให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ไม่ทั่วถึง งานหนัก ไม่มีที่ทำงานเป็นหลักแหล่งถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งบริหาร ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเพราะต้องออกพื้นที่อยู่เสมอ และมีการแข่งขันสูง
อคติทางเพศ : ลดลงจากเดิมมาก แต่ที่ผู้หญิงเข้าสู่สายอาชีพนี้น้อยเพราะเป็นงานที่หนักและเหนื่อย
10. พยาบาล นางฟ้าในชุดขาว
เงินเดือน : ถ้าสังกัดองค์กรรัฐจะเริ่มต้นที่เงินเดือนและตำแหน่งข้าราชการระดับ 3 และเลื่อนขั้นขึ้นเรื่อยจนถึงไม่เกินระดับ 9 ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนจะเริ่มที่ประมาณ 10,000 บาท จนถึง 50,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : 90% เป็นผู้หญิง ส่วนพยาบาลวิชาชีพที่เป็นผู้ชายมักเลือกเป็นอาจารย์หรือทำงานด้านดูงานการตรวจรักษาเบื้องต้นในชุมชนมากกว่า
การเริ่มต้น : จบด้านพยาบาลมาโดยตรง ต้องรักการช่วยเหลือผู้อื่น และมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย สูญเสีย และอารมณ์ต่างๆของคนไข้ได้เป็นอย่างดี
หน้าที่ : ดูแลการรับคนไข้และกลั่นกรองว่าควรจะส่งตัวไปตรวจกับแพทย์ในสาขาใด ดูแลคนไข้ในขณะที่แพทย์วินิจฉัยอาการและสั่งยา ประสานงานให้คนไข้ได้รับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ รวมทั้งต้องดูแลความสุขสบายทั้งกายและใจของคนไข้ด้วย
ความก้าวหน้า : มีการเลื่อนขั้นเรื่อยๆตามอายุงาน ตั้งแต่เป็นหัวหน้าเวร หัวหน้าตึก จนถึงหัวหน้าพยาบาล ในโรงพยาบาลรัฐพยาบาลมักกระจุกตัวกันอยู่ที่ระดับซี 6 ถ้าจะให้ได้ซี 7 ก็ต้องมีผลงานวิชาการ หากเป็นหัวหน้าตึกหรือมีตำแหน่งบริหารก็จะได้ตำแหน่งสูงสุดไม่เกินซี 9 หากเป็นเอกชนก็จะได้เลื่อนไปจนเป็นหัวหน้าพยาบาลแต่จะไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูง
ข้อดี : ทำให้ครอบครัวและคนรอบข้างรู้สึกอุ่นใจในเวลาเจ็บป่วย โดยสามารถให้การดูแลและให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
ปัญหาในการทำงาน : จัดว่าเป็นอาชีพที่ได้รับความสำคัญค่อนข้างน้อยหากเทียบกับสายวิชาชีพอื่นๆในประเภทเดียวกัน รวมทั้งอาจเกิดความผิดพลาดได้ในกรณีที่แพทย์สั่งงานทางโทรศัพท์โดยไม่ได้เข้ามาตรวจอาการคนไข้ด้วยตัวเอง
อคติทางเพศ : แพทย์รุ่นเก่าจำนวนหนึ่งยังมองพยาบาลว่าเป็นเพศหญิงซึ่งเป็นแพทย์ที่ไม่ฉลาด แต่แพทย์รุ่นใหม่จะยอมรับพยาบาลในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมงานมากขึ้น
11. ประชาสัมพันธ์ เธอคือภาพพจน์ขององค์กร
เงินเดือน : ในบริษัทเอกชนจะเริ่มที่ประมาณ 12,000 บาท และเงินเดือนขั้นสูงจะอยู่ในราว 50,000-100,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กรและความรับผิดชอบ
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่จะมีผู้ชายมากขึ้นในงานประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมด้วย
การเริ่มต้น : ถ้าเรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์โดยตรงจะเป็นประโยชน์มากแต่ก็ไม่จำเป็นนัก ที่สำคัญคือต้องสนใจติดตามข่าวสารต่างๆ ทันสมัยอยู่เสมอ ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และหากศึกษามาทางด้านสื่อสารมวลชนก็จะได้เปรียบเพราะนอกจากจะเข้าใจเนื้องานได้ง่ายขึ้นแล้ว ในการทำงาน ยังต้องประสานงานกับสื่อมวลชนเป็นประจำอีกด้วย
หน้าที่ : เผยแพร่ข่าวสารขององค์กรสร้างความรู้สึกความเข้าใจและสร้างทัศนคติที่ดีต่อกันทั้งระหว่างองค์กรกับบุคคลภายนอกและบุคลากรขององค์กรเอง ต้องคิดเป็น เขียนเป็น นำเสนอได้ ที่สำคัญที่สุดต้องสามารถวางแผนการประชาสัมพันธ์ และประสานงานกับสื่อมวลชนได้ดี
ความก้าวหน้า : ขึ้นอยู่กับอายุงาน ความสามารถ และผลงานที่ทำให้องค์กรเป็นที่รู้จัก อาจก้าวขึ้นไปถึงระดับผู้บริหาร จนถึงการมีกิจการเป็นของตัวเองเกี่ยวกับงานด้านประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ
ข้อดี : มีโอกาสรู้จักสื่อมวลชนหลายสาขา ซึ่งจะเป็นผลดีหากต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ได้ประสบการณ์แปลกใหม่และพบปะผู้คนที่แตกต่างกันไป
ปัญหาในการทำงาน : การวัดความสำเร็จของงานขึ้นอยู่กับความสามารถในการแทรกตัวเข้าไปยังสื่อต่างๆ ทำให้ต้องแข่งขันกันสูงท่ามกลางพื้นที่อันจำกัดของสื่อมวลชน และยังอาจวางตัวลำบากในการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนให้สมดุลระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
อคติทางเพศ : เป็นอาชีพที่ผู้หญิงได้รับการยอมรับมากกว่าผู้ชาย เพราะเชื่อกันว่าประชาสัมพันธ์ที่เป็นผู้หญิงจะดูอ่อนหวาน มีเสน่ห์ และทำให้คนอยากคุยด้วย ซึ่งเป็นผลดีกับงานมากกว่า
12. ข้าราชการ เงินเดือนน้อยแต่มั่นคง
เงินเดือน : วุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี 4,100 บาท ปริญญาตรี (ระดับ 3) 6,020 บาท วุฒิปริญญาโท (ระดับ 4) 7,380 บาท ปริญญาเอก (ระดับ 5) 9,040 บาท และมีการเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนตามอายุงานและผลงาน จนถึงขั้นสูงคือ 59,090 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : โดยรวมแล้วเท่าๆกัน ส่วนในรายละเอียดก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานว่าเหมาะสมกับความชำนาญของหญิงหรือชาย
การเริ่มต้น : ส่วนใหญ่ต้องผ่านการสอบของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้วจึงไปสอบสัมภาษณ์กับหน่วยงานต้นสังกัดอีกครั้ง โดยพิจารณาจากความรู้ในสายงาน ความสามารถทางภาษา การเข้าสังคม การปรับตัว มนุษยสัมพันธ์ วิธีการพูดจาโต้ตอบ ทัศนคติ ฯลฯ
หน้าที่ : ขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดโดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐเป็นหลัก โดยแต่ละหน่วยงานจะแยกความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน
ความก้าวหน้า : แม้จะเป้นงานที่ต้องใช้เวลามากในการก้าวสู่ตำแหน่งสูง แต่ก็เป็นงานที่มั่นคง สวัสดิการดี และมีผลตอบแทนให้หลังจากเกษียณอายุแล้ว
ข้อดี : ในสังคมชนบทจะได้รับการยกย่องสูงโดยเฉพาะข้าราชการตำแหน่งที่ใหญ่มากๆ แต่ในสังคมเมืองข้าราชการก็เป็นคนทำงานคนหนึ่ง แต่คนทั่วไปยังให้เกียรติเพราะถือว่าเป็นคนทำงานโดยไม่หวังผลกำไร นอกจากนี้ยังมีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทั้งเรียนต่อและฝึกอบรมได้ตลอดเวลา
ปัญหาในการทำงาน : รายได้น้อยไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ จึงอาจทำให้เกิดปัญหาสมองไหลสู่ภาคเอกชนและเป็นบ่อเกิดของปัญหาคอร์รัปชั่น
อคติทางเพศ : ในปัจจุบันข้าราชการผู้หญิงได้รับการยอมรับเท่าเทียมผู้ชายและพบว่าหลายหน่วยงานมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้หญิง
13. พนักงานบัญชี คุณละเอียดผู้ดูแลกระเป๋าเงิน
เงินเดือน : เริ่มต้นที่ประมาณ 8,000-10,000 บาทขึ้นไป จนถึงมากกว่า 100,000 บาท
สัดส่วนระหว่างชายหญิง : ในสายงานผู้จัดทำบัญชีจะเห็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ประมาณ 60:40 แต่ถ้าเป็นงานตรวจสอบบัญชีผู้หญิงจะน้อยกว่าผู้ชายประมาณ 40:60
การเริ่มต้น : เรียนจบปริญญาตรีทางสายบัญชีหรือสูงกว่า สำหรับผู้ต้องการทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ต้องจบบัญชีในสาขาบัญชีโดยตรง และต้องมีความละเอียดรอบคอบสูงมาก
หน้าที่ : มี 2 ส่วนคือ
1. ผู้จัดทำบัญชี จัดทำบัญชีทั้งประเภทรายวัน รายเดือน และรายปีของนิติบุคคล
2. ผู้ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบงบการเงินรายปีของนิติบุคลก่อนยื่นให้กรมสรรพากร
ความก้าวหน้า : ในส่วนผู้จัดทำบัญชีสามารถก้าวหน้าขึ้นตามประสบการณ์และความสามารถจนถึงเป็นผู้บริหารได้ส่วนผู้ตรวจสอบบัญชี ต้องผ่านการฝึกงานในสำนักงานตรวจสอบบัญชีจนมีประสบการณ์ครบ 3,000 ชั่วโมงหรือเฉลี่ย 3 ปี จึงสามารถสอบรับใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีที่เรียกว่า CPA ได้
ข้อดี : ได้รู้เกี่ยวกับการรับจ่ายเงิน งบประมาณ และกำไรขาดทุนของบริษัทรู้หลักการบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ในกรณีที่คิดจะทำธุรกิจของตัวเอง
ปัญหาการทำงาน : อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้จัดทำบัญชีและผู้บริหารที่กังวลว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากการทำบัญชีตามมาตรฐาน ส่วนผู้ตรวจสอบบัญชีต้องรับผิดชอบในเอกสารทางบัญชีของบริษัทที่ตนเข้าไปตรวจสอบหากทุจริตหรือประมาทเลินเล่อก็เป็นเหตุให้ถูกยึดใบอนุญาตตรวจสอบบัญชีได้
เนื้อหาเยอะดีมาก
ตอบลบ